เอดส์ (AIDS : Acquired Immunodeficiency Syndrome) หนึ่งในภาวะของการติดเชื้อเอชไอวีที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จนไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคหรือการติดเชื้อต่าง ๆ ในร่างกายได้ นำไปสู่โรคฉวยโอกาสที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด ซึ่งในอดีต โรคเอดส์ ถูกมองว่าเป็นโรคร้ายแรงที่ติดเชื้อแล้วจะไม่สามารถรักษาได้ รวมถึงถูกตีตราทางสังคมว่าเป็นโรคที่น่ารังเกียจ แต่ทราบหรือไม่ว่า…การพัฒนาทางการแพทย์ได้คิดค้นแนวทางการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ช่วยให้การตรวจเอดส์ ตลอดจนการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ และเชื้อไม่ลุกลามเข้าสู่ระยะโรคเอดส์ได้ในสุดหากเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตรวจเอดส์ เพื่อให้ทราบผลเลือดที่แน่นอน คือทางเลือกที่ช่วยให้รับมือกับเชื้อเอชไอวีได้อย่างทันท่วงที เพราะอาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะไม่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนติดเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ที่สำคัญคืออาจแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การตรวจเอดส์เป็นหนึ่งในนโยบายลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อตรวจพบโดยเร็วที่สุด ตลอดจนตระหนักเสมอว่าการป้องกันคือสิ่งที่ควรทำในกิจวัตรที่ไม่ควรละเลย
Table of Contents
การตรวจเอดส์ในปัจจุบันมีทั้งหมดกี่วิธี
การตรวจเอดส์ หรือ การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 วิธี โดยแต่ละวิธีจะมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
การตรวจเอชไอวี Anti-HIV testing
เป็นการตรวจเอดส์ด้วยการตรวจหาแอนติบอดี (Antibody) ที่มีจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวีเท่านั้น โดยสามารถตรวจพบได้หลังจากที่ผู้ตรวจได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายแล้ว 3-4 สัปดาห์โดยประมาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการตรวจเอดส์ที่นิยมใช้ในสถานพยาบาลทั่วไป
การตรวจเอชไอวี HIV p24 antigen testing
เป็นการตรวจเอดส์ด้วยการตรวจหาแอนติเจน (HIV p24 antigen) ของเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นโปรตีนจำเพาะที่พบได้ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถตรวจพบได้หลังจากที่ผู้ตรวจมีเชื้อเอชไอวีในร่างกายตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป ซึ่งแพทย์มักใช้วิธีนี้ในผู้ที่ร่างกายยังไม่สร้างแอนติบอดี หรือ ในกรณีที่ผู้ตรวจมีภาวะแอนติบอดีต่ำจนไม่สามารถวัดค่าได้
การตรวจเอชไอวี HIV Ag/Ab combination assay
เป็นการตรวจเอดส์ที่ใช้ชุดตรวจหาแอนติเจนของเชื้อเอชไอวี (HIV p24 antigen) และแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวี (Anti-HIV) ในคราวเดียวกัน หรือที่เข้าใจกันในชื่อว่าชุดตรวจเอดส์ด้วยน้ำยาตรวจ Fourth Generation โดยสามารถตรวจพบได้ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี 2 สัปดาห์ ซึ่งได้รับความนิยมในการใช้ตรวจคัดกรองเบื้องต้น เนื่องจากมีความแม่นยำและสามารถตรวจพบได้ทั้ง 2 กรณี วิธีการตรวจเอดส์นี้มักใช้กับชุดตรวจด้วยตนเองที่ผ่านการรับรองโดยองค์กรระดับโลก โดยปัจจุบันในไทยเองมีวางจำหน่ายอย่างถูกต้องแล้ว นับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจต่อผู้ที่ต้องการตรวจเอดส์แบบมีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าตรวจในสถานพยาบาล
การตรวจเอชไอวี NAT : Nucleic Acid Test
เป็นการตรวจเอดส์โดยการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นวิธีที่มีความรวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน สามารถตรวจพบได้หลังจากที่ผู้ตรวจติดเชื้อเอชไอวีในร่างกายได้ตั้งแต่ 3-7 วัน ทั้งนี้ยังเป็นวิธีตรวจเอดส์ที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ในการตรวจภายในสถานพยาบาล แต่ใช้เฉพาะในการตรวจคัดกรองผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น
การตรวจเอดส์ด้วยตัวเองคืออะไร? เชื่อถือได้หรือไม่?
มาถึงหัวข้อสำคัญที่หลายคนรอคอย นั่นก็คือการตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง หรือ การตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่ได้ยินจากสื่อต่าง ๆ นั้น ที่จริงแล้วคืออะไร มีขั้นตอนการตรวจยุ่งยากหรือไม่ หาซื้อจากที่ไหน และที่ขาดไม่ได้คือการตรวจเอดส์ด้วยตัวเองมีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เนื้อหาต่อไปนี้จะตอบข้อสงสัยเหล่านี้ให้กระจ่างอย่างแน่นอน
การตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง คือ แนวทางการตรวจเอดส์เบื้องต้นด้วยการเลือกใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่ได้มีการพัฒนาชุดตรวจให้มีประสิทธิภาพและมาซึ่งผลการตรวจที่เทียบเท่าการตรวจคัดกรองเอชไอวีในสถานพยาบาล ผ่านการตรวจด้วยน้ำลายและการเจาะเลือด ตอบโจทย์การตรวจด้วยตัวเองที่สะดวกง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจยังสถานพยาบาล มากกว่านั้นคือไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวในการหาซื้อ แตกต่างกับการเข้าตรวจในสถานพยาบาลที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าที่ควร วิธีการตรวจเอดส์ด้วยตัวเองจึงเป็นแนวทางที่ดีในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีโดยไม่รู้ตัว รวมถึงทำให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเข้าถึงการรักษาเอชไอวีได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่อาการจะลุกลามไปสู่ระยะเอดส์ในที่สุดนั่นเอง
“การตรวจเอดส์ด้วยตัวเองเชื่อถือได้จริง”
เนื่องจากชุดตรวจเอชไอวีได้ผ่านการรับรองโดยหน่วยงานสากลประกอบกับได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา จึงสามารถมั่นใจได้ว่าผลการตรวจจะมีความน่าเชื่อถือเทียบเท่าการตรวจจากสถานพยาบาล ทั้งนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงจะต้องเลือกซื้อชุดตรวจเอดส์ด้วยตัวเองจากแหล่งจัดจำหน่ายที่ได้มาตรฐานเท่านั้น ควรตรวจสอบใบอนุญาตในการจัดจำหน่าย ช่องทางการจำหน่าย คุณภาพของชุดตรวจ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตชุดตรวจนั้น ๆ อย่างรอบคอบ เพราะในปัจจุบันมีการหลอกลวงผ่านทางการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ทางที่ดีควรซื้อชุดตรวจเอดส์ด้วยตัวเองผ่านทางร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจึงจะดีที่สุด
ข้อควรคำนึงก่อนและหลังการตรวจเอดส์ด้วยตนเอง
การเลือกวิธีการตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีและต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ผู้ตรวจควรมีความรู้ความเข้าใจต่อเชื้อเอชไอวีพอสมควร เพื่อให้การรับมือต่อผลตรวจมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสม ผลการตรวจเอดส์จากชุดตรวจสามารถแสดงผลได้ว่า ไม่ทราบผล หรือ ไม่สามารถแสดงผลได้ เนื่องจากความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากความไม่สมบูรณ์ของชุดตรวจ การตรวจที่ไม่ตรงตามขั้นตอน รวมถึงชุดตรวจเอดส์ด้วยตัวเองที่ไม่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผลการตรวจเอดส์ด้วยตัวเองแสดงผลว่า “ติดเชื้อเอชไอวี” ผู้ตรวจไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วเพื่อเข้ารับการตรวจยืนยันอีกครั้ง พร้อมกับเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อยับยั้งการลุกลามของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่นำไปสู่การแพร่เชื้อเอชไอวีไปสู่คู่รักหรือผู้อื่น และที่สำคัญควรแนะนำให้คนในครอบครัวเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมด้วย