ติดเชื้อ HIV รักษาได้ไหม ทราบหรือไม่ว่า? โรคติดต่อที่ถือว่าเป็นหนึ่งในโรคที่มีผู้คนติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว นั่นก็คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งหลายคนอาจรู้จักกันดีในชื่อว่า โรคเอดส์ แต่ข้อเท็จจริงคือ เอดส์ เป็นเพียงระยะร้ายแรงของการติดเชื้อ HIV เท่านั้น ในอดีตที่มนุษย์เราได้ค้นพบเชื้อเอชไอวีเป็นครั้งแรก ด้วยความที่อาการของโรคส่งผลต่อภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง จนทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อร่างกายไม่สามารถต้านทานโรคต่าง ๆ ได้ จึงทำให้มีอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ HIV สูงมาก เรียกได้ว่าในอดีตหากทราบว่าติดเชื้อ HIV นั่นเท่ากับว่าไม่มีความหวังต่อการรักษาให้หายขาดได้ และไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน

เมื่อการแพทย์ได้พัฒนามากขึ้นพร้อม ๆ กับการให้ความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนทั่วโลก ทำให้ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการติดเชื้อ HIV รวมถึงอัตราการเสียชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังคงหลงเหลือความคิดในแง่ลบ ตลอดจนมุมมองที่ตีตราต่อผู้ติดเชื้อ ทำให้หลายคนมองว่าการติดเชื้อ HIV ยังคงเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ และสุดท้ายแล้วต้องเสียชีวิตเท่านั้น สิ่งเหล่านี้เองเป็นสาเหตุสำคัญต่อการทำความเข้าใจรายละเอียดต่าง ๆ ของเชื้อ HIV อย่างปฏิเสธไม่ได้ ตามมาด้วยคำถามมากมายที่ต้องการไขข้อข้องใจให้กระจ่างชัดเจน หนึ่งในนั้นคือ การติดเชื้อ HIV รักษาได้หรือไม่ หากติดเชื้อ HIV ต้องทำอย่างไรถึงจะหายขาดได้ ในบทความนี้จะมาตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาให้เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

การ ติดเชื้อ HIV รักษาได้ไหม ?

หากติดเชื้อ HIV แล้วสามารถรักษาได้ไหม เป็นสิ่งที่ผู้ติดเชื้อ HIV ต้องการคำตอบมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันทางการแพทย์ยังคงมีแนวทางการรักษาเพียงเพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อ HIV เท่านั้น นั่นหมายความว่า

“การรักษาผู้ติดเชื้อสามารถทำได้
แต่ต้องขึ้นอยู่กับระยะอาการของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน”

เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละระยะ จะมีอาการทางร่างกายรวมไปถึงภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน โดยที่แพทย์ผู้ดูแลจะทำการประเมินอย่างละเอียด จากนั้นจะจ่ายยาที่พิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับร่างกายของผู้ติดเชื้อคนนั้น ๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด

ติดเชื้อ HIV รักษาได้ไหม ทำอย่างไรถึงจะให้หายขาด แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน เป็นการรักษาด้วยการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเท่านั้น โดยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกแล้วว่าเป็นการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ยาต้านเอชไอวีอย่างน้อย 3 ชนิดร่วมกัน เรียกง่าย ๆ คือเป็นสูตรยาที่ผ่านการวิจัยมาเรียบร้อยแล้วว่าได้ประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อ HIV ที่เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นในร่างกาย

แนวคิดในการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ให้หายขาด

การพัฒนาทางด้านการแพทย์ยังมีการคิดค้นหาแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อต่อเนื่องเรื่อยมา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั่วโลกคาดหวัง นั่นก็คือ “การรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ให้หายขาด” ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ไม่ต้องการให้ผู้ป่วยทานยาต้านตลอดไป แต่ด้วยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้การรักษาไม่หายขาด เป็นเพราะเชื้อไวรัสเอชไอวีมีการซ่อนตัวในเซลล์ต่าง ๆ และอยู่ในระยะไม่แบ่งตัว จึงทำให้ยาต้านไวรัสไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้แบ่งแนวทางการวิจัยเพื่อเพิ่มโอกาสรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ให้หายขาดทั้งหมด 3 วิธีดังต่อไปนี้

  • การปลูกถ่ายไขกระดูก
  • เริ่มยาต้านไวรัสภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนผลการตรวจเลือด Anti-HIV จะเป็นบวก
  • การรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ (มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยที่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร)

จากการศึกษาพบว่ามีผู้ป่วยที่หายขาดจากการติดเชื้อ HIV เพียง 1 รายในโลก โดยใช้วิธีการรักษาจากการปลูกถ่ายไขกระดูก ฉายแสง เคมีบำบัด ซึ่งเป็นขั้นตอนการรักษาของผู้ป่วยมะเร็ง โดยการติดเชื้อเอชไอวีร่วมกับมะเร็งเม็ดเลือดขาว แพทย์พบว่าประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายขาดจากเชื้อ HIV ได้จริง และสามารถหยุดการทานยาต้านไวรัสได้มากกว่า 5 ปี พร้อมกับตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวีในร่างกายอีกครั้งในระหว่างที่หยุดยา นับว่าเป็นกรณีที่ผ่านกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามตัวอย่างผู้ที่หายขาดจากการติดเชื้อ HIV นี้ ส่งผลดีต่อการนำไปศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในอนาคตได้มากเลยทีเดียว ตัวอย่างการวิจัยที่เกิดขึ้น คือ การพัฒนาวัคซีนที่มีผลช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้สามารถกำจัดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ เช่นเดียวกับการวิจัยวัคซีนในโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ หรือ การค้นหาสารบางชนิดเพื่อช่วยกระตุ้นให้เชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายที่หลบซ่อนอยู่นั้นออกมา พร้อมกับการใช้ยาต้านไวรัสประกอบกันให้เชื้อไวรัสหมดไปจากร่างกายได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามคำถามที่ว่าทำอย่างไรถึงจะหายขาดจากการติดเชื้อ HIV คำตอบคือปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่สามารถคิดค้นวิธีดังกล่าวได้ แต่สามารถยับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายได้ด้วยการทานยาต้าน และเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ทั้งยังมีอายุขัยที่ใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่ติดเชื้อ HIV อีกด้วย

ดังนั้นการทราบว่าตนติดเชื้อ HIV ได้เร็ว จะยิ่งช่วยให้คุณเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ตามมาด้วยความห่างไกลจากโรคแทรกซ้อนร้ายแรงต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่ทราบว่าตนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรเปิดใจเข้ารับการ ตรวจเอชไอวี โดยเร็วที่สุด พร้อมกับลดทัศนคติที่แย่ต่อการตรวจ หรือ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ด้วยการรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการตรวจ การรักษา รวมถึงการดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]